website ? http://www.arda.or.th
Facebook ?https://www.facebook.com/ardathai
Line ✅https://line.me/R/ti/p/%40yhv6070r
ARDA ? https://www.facebook.com/kasetkaoklaiARDA2017
โรคราดำพบในแหล่งปลูกมะม่วงของประเทศ ราดำเหล่านี้ไม่ได้ดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชโดยตรงแต่จะส่งผลให้การเจริญเติบโตของมะม่วงผิดปกติไปจากเดิม
โรคราดำเกิดจากเชื้อราแคปโนเดียม แมงกิเฟอรี่ โดยเชื้อราจะเจริญเป็นแผ่นบางๆ กระจัดกระจายบนใบ และเจริญเชื่อมกัน ทำให้เห็นเป็นปื้นสีดำ เมื่อเจริญอยู่บนผล จะเริ่มเข้าทำลายตั้งแต่ขั้วผล แต่จะไม่คลุมทั้งผล ทำให้ผิวมะม่วงสกปรก คุณภาพและราคาของผลผลิตลดลง
นอกจากนั้นเชื้อรายังจะเจริญเติบโตบนของเหลวที่แมลงขับถ่าย เช่น เพลี้ยจักจั่น เพลี้ยกระโดด เพลี้ยแป้ง เพลี้ยหอย เพลี้ยไก่แจ้
วิธีการป้องกันและกำจัดโรคราดำ
ฉีดพ่นสารป้องกัน กำจัดเชื้อราประเภททองแดงเช่น คอปเปอร์ออกซี่คลอไรด์ 85 เปอร์เซ็นต์ เป็นผงละลายน้ำ ใช้อัตรา 30-80 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ แมนโคเซบ 85% wp เป็นผงละลายน้ำในอัตรา 50 กรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ผสมสารจับใบแล้วฉีดพ่นให้ทั่วทรงพุ่ม ควรฉีดพ่น 2 ครั้ง ห่างกัน 14 วัน
หลังเก็บเกี่ยวควรตัดแต่งทรงพุ่มให้โปร่ง แสงแดดส่องทั่วถึง เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทได้ดีและเพื่อให้ผลดีในการควบคุมราดำ ความควรฉีดพ่นสารเคมีกำจัดแมลงเพื่อไม่ให้แมลงมาถ่ายมูลบนต้น และควรฉีดพ่นและควรฉีดพ่นในระยะวัยอ่อนของแมลง
เมื่อก่อนนี้จะเจอปัญหาเรื่องราดำ เมื่อเราได้รับคำแนะนำเราก็ตัดแต่งกิ่งให้ดี ทุกวันนี้มะม่วงสวยขึ้นได้ราคาดี
#มะม่วง
#โรคราดำ
#วิจัย
#แมลง
#โรคพืช
#สวก.